บริเวณล็อบบี้
ที่นั่งระหว่างรอเช็คอินเข้าพัก มีองค์พระพิฆเณศประดิษฐานอยู่
ขึ้นไปชมกันต่อที่ชั้นสอง
สะดุดตากับลูกเล่นของแนวโค้งที่ช่วยให้ภายในอาคารดูมีพื้นที่เพิ่มขึ้น และเติมความนุ่มนวลไม่ทำให้ดูสถานที่ดูทึบแข็งจนเกินไป
ลูกกรงที่ขดงออย่างง่ายๆ แต่เมื่อจับมารวมกันกลับเกิดเป็นลวดลายที่สวยงามได้
ดอกไม้แห้ง สีสันยังคงสวยงามเสมือนดอกไม้สดแต่มันกลับแห้งผากราวกับกระดาษ
บริเวณนั่งพักผ่อนรับลมแผ่วๆ และชมวิวของภูเขาด้านหลังอาคาร
ที่นี่มีบริการนิตยสารและแผ่นหนังให้ได้หยิบยืมได้ตามสบาย เพียงแต่ต้องนำไปลงทะเบียนที่หน้าเคาน์เตอร์ก่อนนำกลับห้องพักเท่านั้น
เครื่องพิมพ์ยุคเก่า ที่เด็กรุ่นใหม่คงจะไม่เคยได้เห็นกันแล้ว ในอนาคตคงจะถูกเรียกว่าโบราณวัตถุที่ต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
เมื่อพ้นจากบันไดขึ้นมาก็พบกับสัญลักษณ์อันโดดเด่นของ อัล เมดิน่า บีช เฮ้าส์แห่งนี้ เมดิเตอร์เรเนียนโดม
พื้นที่ข้างบนนี้สามารถขึ้นมาดินเนอร์ยามเย็นชมพระอาทิตย์ตก หรือจัดงานสังสรรค์กลางแจ้งด้วยบรรยากาศ Party on the roof ท่ามกลางวิวพาโนรามาได้เป็นอย่างดี
เมฆฝนเริ่มก่อตัวหนาขึ้นทุกที แสงแดดถูกบดบังเป็นระยะ ทำให้ในคืนนั้นระหว่างเดินทางขึ้นเขาคิชฌกฎมีฝนตกโปรยปรายเล็กน้อย แต่ได้ทราบข่าวจากเพื่อนที่เป็นชาวจันทบุรีว่าด้านล่างนั้นฝนตกหนักเป็นพายุ เข้าเลยทีเดียวจึงโทรขึ้นมาสอบถามสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง
ก้อนหินจำนวน 9 ก้อน ถูกเขียนชื่อของหัองพักทั้ง 9 เอาไว้ ใช้สำหรับวางบนโต๊ะในตอนดินเนอร์นั่นเองว่าเป็นโต๊ะของห้องพักห้องใด
การจะลงแช่ Jacuzzi ที่นี่ อาจจะต้องเป็นช่วงเช้าน่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะในยามเย็นแสงแดดคงจะสาดส่องให้ได้ร้อนกันพอตัว
เห็นท่าจะมีแต่ผู้ที่ชื่นชอบการอาบแดดเท่านั้นล่ะ จึงจะสามารถออกมานั่งกินลมชมวิวกันด้านนอกได้ไหว เพราะแดดแรงขนาดผิวเกรียมอย่างเห็นได้ชัด เว้นแต่บางทีหากเป็นช่วงอากาศหนาวเย็นการออกมานั่งตากแดดอาจจะเป็นวิธีที่ดีในการช่วยให้ร่างกายอบอุ่นก็เป็นได้
เจ้ามอมแมม ได้ยินว่าไม่ใช่น้องหมาของที่นี่ แต่มักจะมาใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณรีสอร์ทบ่อยๆ พวกเราเองก็เจอกับมอมแมมที่คอยป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ไกลตลอดเวลาจริงๆ